หมวดหมู่: ความรู้เรื่องแอร์

  • เลือกแอร์จากพรีเซ็นเตอร์แอร์ 2022

    เลือกแอร์จากพรีเซ็นเตอร์แอร์ 2022

    เบื่อ! จะซื้อแอร์เลือกยี่ห้อไม่ได้ เลือกจาก พรีเซ็นเตอร์แอร์ เลยละกัน

    สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกท่าน วันนี้ สิทธิโชติแอร์สระบุรี จะพาไปดู พรีเซ็นเตอร์แอร์ หมดปัญหาเลือกยี่ห้อแอร์ไม่ได้ ไม่รู้จะใช้ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 เลือกแอร์ จากพรีเซ็นเตอร์ไปเลยละกันค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันเลยนะคะว่า ดาราท่านไหน เป็นพรีเซ็นเตอร์ยี่ห้อไหนกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ

    ทำไมต้องมี พรีเซ็นเตอร์แอร์

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ เครื่องปรับอากาศ ยี่ห้อต่างๆ เลือกจาก ความนิยมของกลุ่มลูกค้า ทำให้ปี 2022 มีพรีเซ็นเตอร์แอร์ เป็นดาราชาย หลายแบรนด์ ซึ่งทำให้ตรงกลุ่มแม่บ้านที่เลือกเครื่องปรับอากาศ สนใจยี่ห้อเครื่องปรับอากาศนั้นๆมากขึ้น เพราะ ดารานักแสดงเป็นผู้ โฆษณา นำเสนอเครื่องปรับอากาศนั้นเอง ทำให้หลายแบรนด์ มียอดขายเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีนักแสดง เป็นผู้นำเสนอ สินค้านั้นๆ ค่ะ

    [scroll_to link=”#PST1″ title=”DAIKIN”]

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ไดกิ้น

    DAIKIN

    “ไดกิ้น” ผู้นำความเย็นสบายจากประเทศญี่ปุ่น ต่อสัญญาพรีเซ็นเตอร์หนุ่มขวัญใจคนไทย พรีเซ็นเตอร์แอร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ ปีที่ 4 เผยกลยุทธ์จับกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด พร้อมอัดโฆษณา “ไดกิ้น อินเวอร์เตอร์ ของดี…ไม่จุกจิก” แก้ปัญหาไฟตกและจิ้งจกติดแผงวงจร
    US Army Ranger Assessment & Selection Programme (RASP) – Boot Camp & Military Fitness Institute cabergoline australia 7 Fitness Marketing Strategies to Boost your Revenue in 2022
    มร.อาคิฮิสะ โยโคยามา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า ไดกิ้นเลือกนักแสดงสุดฮอต ณเดชน์ คูกิมิยะ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้าง Brand Awareness อย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการสำรวจการรับรู้แบรนด์มีประมาณ 60% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 98-99% ซึ่งตัว ณเดชน์ เองก็ผูกพันกับแบรนด์ไดกิ้นจนกลายเป็นภาพจำที่เวลาลูกค้าไปซื้อแอร์ มักจะบอกว่าแอร์ณเดชน์ เราจึงคิดว่าการต่อสัญญาให้ณเดชน์ เป็นพรีเซนเตอร์ จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความแข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน

    “ปีนี้เราตั้งใจรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งจากการศึกษาพฤติกรรมการซื้อแอร์ของคนต่างจังหวัด พบว่ายังคงมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าอะไหล่ ค่าบำรุงรักษา ไดกิ้นจึงพัฒนาระบบที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะปัญหาที่ลูกค้ากังวลใจ คือ ความคงทน เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าแอร์อินเวอร์เตอร์แผงวงจรเสียง่าย เมื่อไฟตก หรือไฟเกิน แม้แต่แมลงหรือจิ้งจกเมื่อเข้าไปในแผงวงจร ก็จะทำให้แผงวงจรช็อตได้

    เราจึงได้ชูนวัตกรรมแผงวงจร Super PCB ที่ทนต่อไฟตก ไฟกระชาก และเสริมแผงป้องกันจิ้งจกเข้าวงจร การลดความถี่ของแผงกันมดและแมลงเข้าแผงวงจรด้วย โดยการสื่อสารข้อมูล ณ จุดขาย ด้วยวิดีโอสาธิตการป้องกันจิ้งจก และภาพยนตร์โฆษณาที่ให้ “ณเดชน์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ในคอนเซ็ปต์ “ไดกิ้น อินเวอร์เตอร์ ของดี…ไม่จุกจิก” ที่ผนวกไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่เชื่อเรื่องสิ่งศํกดิ์สิทธิ์ลี้ลับ พร้อมกับสร้างวลี “ณเดชน์ มีของ” ให้คนสามารถจดจำได้ดี รวมถึงในโฆษณาที่ให้ ณเดชน์ใส่กางเกงขาสั้น ทำให้เกิดบรรยากาศสบายๆ เข้าถึงทุกคนได้และง่ายต่อการจดจำเช่นเดียวกัน

    [scroll_to link=”#PST2″ title=”Mitsubishi Electric”]

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ เฮฟวี่

    Mitsubishi Electric

    มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 กลุ่ม เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม โชว์นวัตกรรมสุดล้ำ ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์คุณภาพ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอากาศสะอาดด้วย PM 2.5 Filter ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน พร้อมลุยขยายฐานลูกค้า ผุดศูนย์กระจายสินค้าจังหวัดลำปาง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 12 จังหวัด ทั่วภาคเหนือให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด เดินหน้ายกระดับบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ตอกย้ำการรับรู้แบรนด์ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ผ่าน โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์ พรีเซ็นเตอร์ ปีที่ 6 ตั้งเป้ายอดขายโตกว่า 8% หรือคิดเป็นมูลค่า 16,700 ล้านบาท

    นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน “SDGs หรือ Sustainable Development Goals” ขององค์การสหประชาชาติ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ควบคู่กับความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมไทยให้ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ “Changes for the Better” หรือ “การเปลี่ยนแปลง เพื่อสิ่งที่ดีกว่า”

    “ในปี 2563 นี้ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) ได้ก้าวเข้าสู่วาระครบรอบ 100 ปีแห่งการประกอบการ เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งสู่ความสำเร็จของการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ ให้บรรลุยอดขายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านเยน รวมถึงการยกระดับภาพลักษณ์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสู่แบรนด์ด้านเทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต”

    [scroll_to link=”#PST3″ title=”HAIIER”]

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ ไฮเออร์

    HAIIER

    ไฮเออร์ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ส่ง “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ชูประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศรุ่น UV Cool Series ยับยั้งให้ชัวร์ด้วยเทคโนโลยี UVC Sterilization กำจัดเชื้อโรคและไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 99.99%
    เพื่อมอบชีวิตที่ดีและมีคุณภาพแก่ผู้บริโภค ไฮเออร์ (Haier) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 13 ปีซ้อน จึงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบัน ล่าสุด ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ แนะนำเครื่องปรับอากาศใหม่รุ่น UV Cool Series โดยมี “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ไฮเออร์ (ประเทศไทย) ปีที่ 4 เป็นตัวแทนตอกย้ำประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ที่มีนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ UVC Sterilization เทคโนโลยีที่ช่วยยับยั้งเชื้อโรคที่มองไม่เห็นและไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 99.99% พร้อมฟังก์ชัน Self-Cleaning ระบบทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติที่คืนอากาศบริสุทธิ์ได้ภายใน 20 นาที รวมไปถึงสามารถควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตอบโจทย์วิถีชีวิตในยุคดิจิทัล

    ไฮเออร์ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ส่ง “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ชูประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศรุ่น UV Cool Series
    ธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยภาพรวมผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศว่า “ในปี 2021 เครื่องปรับอากาศไฮเออร์มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของประเทศในแง่ปริมาณของจำนวนเครื่อง และยังครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในตลาดอี-คอมเมิร์ชอีกด้วย โดยมียอดขายรวมสูงถึง 3,117 ล้านบาท เติบโตจากปี 2020 9% โดยในปี 2022 ตั้งเป้ายอดขาย 4,337 ล้านบาท คาดเติบโต 39%

    และในปี 2022 เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคมากขึ้นในเรื่องของการกำจัดเชื้อโรค โดยเฉพาะเรื่องไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ ส่งผลให้หลายคนมองหาตัวช่วยที่จะสามารถคลายความกังวล เพิ่มความปลอดภัย และความสะอาดให้กับอากาศภายในบ้านมากยิ่งขึ้น”

    ล่าสุด ไฮเออร์ จึงพัฒนาเครื่องปรับอากาศใหม่รุ่น UV Cool Series ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี UVC Sterilization มีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C ที่จะคอยกำจัดเชื้อโรคที่มองไม่เห็น รวมทั้งไวรัสโควิด-19 สูงสุดถึง 99.99% โดยผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการจากสถาบันวิจัยฯ Texcell และได้รับการรับรองความปลอดภัยของรังสี UV-C ต่อผู้ใช้งาน จาก สคบ. แห่งประเทศไทย ทั้งยังประหยัดไฟสูงสุดเบอร์ 5 ถึง 2 ดาว รับประกันคอมเพรสเซอร์ยาวนานถึง 10 ปี และ 5 ปีในส่วนของตัวเครื่อง

    พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ โดยยังคงมี “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นักแสดงหนุ่มสุดหล่อ เป็นตัวแทนในการนำเสนอประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ รุ่น UV Cool Series ที่จะคอยกำจัดเชื้อโรคที่แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในสุขอนามัยของทุกคน

    [scroll_to link=”#PST4″ title=”Mitsubishi Heavy Duty”]

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ เฮฟวี่

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ Mitsubishi Heavy Duty

    “เป็นเมียแดงต้องอดทน” ใครจะไปคิดว่าประโยคสุดคลาสสิคของ แดง ไบเลย์ จากภาพยนตร์ 2499 อันธพาลครองเมือง จะถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ในโฆษณายุคปัจจุบัน จากแบรนด์ที่เก๋าไม่แพ้ภาพยนตร์อย่าง Mitsubishi Heavy Duty โดยแคมเปญโฆษณาล่าสุดนี้ ได้พระเอกหนุ่มหล่ออย่าง มาริโอ เมาเร่อ มารับบทบาทเป็นผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ ในโฆษณาที่มีชื่อว่า “เป็นแอร์โอ้ต้องอดทน”

    หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไมในโฆษณา มาริโอ้ ถึงได้ย้ำเรื่อง ความทนทาน หลายรอบ ซึ่งจริง ๆ แล้วความทนทานนั้นไม่ได้เป็นจุดขายของแอร์รุ่นใหม่เท่านั้น แต่เป็นจุดยืนดั้งเดิมของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Mitsubishi Heavy Duty ที่ก่อตั้งมายาวนานเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว และถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ที่มีสินค้าหลากหลายกว่า 700 ประเภท ครอบคลุมทั้งภาคพื้นดิน, ทะเล, อากาศ และอวกาศ
    แอร์รุ่นใหม่จากญี่ปุ่น ที่ทนอึด เปิด 24 ชม. ติดต่อกันได้นาน 5 ปี จ่ายครั้งเดียวทนเกินคุ้ม
    จริง ๆ แล้ว เครื่องปรับอากาศ Inverter นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty อยู่แล้ว ทั้งในเรื่องความทนทาน ประหยัดคุ้มค่า ทั้งในรุ่น Standard Inverter, Deluxe Inverter และ Super Deluxe Inverter ด้วยนวัตกรรม “100% Inverter” ที่ประกอบด้วย 4 ชิ้นส่วนคุณภาพดังนี้

    แผงวงจรอัจฉริยะ PAM ที่ควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์โดยการปรับเปลี่ยนความถี่ในการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พลังงาน
    มอเตอร์กระแสตรง ที่มาพร้อมกับความแม่นยำในการควบคุมความเร็วรอบ สามารถเปลี่ยนแปลงความเร็วรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    คอมเพรสเซอร์กระแสตรง DC สามารถปรับเปลี่ยนความเร็วรอบในการทำงานให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้อง ช่วยให้ประหยัดพลังานมากขึ้น
    วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ EEV (Electronic Expansive Valve) ที่ควบคุมการไหลของสารทำความเย็นให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลที่สุด
    แต่สำหรับน้องใหม่ล่าสุดอย่าง YW Series Standard Inverter ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่ๆ เลย ทั้งในเรื่องของความทนทานคุ้มค่าและประหยัด ด้วยการใช้ท่อแดงทั้งระบบ (100% Copper) และมีการเคลือ Epoxy Coating เพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากสภาพความเป็นกรด/ด่าง รวมไปถึงการเคลือบแผงวงจรด้วย Silicone เพื่อป้องกันความชื้นและแมลง และมีเครื่องที่ทนทานต่อแรงดันไฟสูงสุด 470V อีกทั้งยังมี 4 ฟังก์ชั่นสุดล้ำดังนี้

    Jetflow : การออกแบบระบบจ่ายลมด้วยเทคโนโลยีเดียวกับใบพัดในเครื่องยนต์เจ็ท ทำให้สามารถส่งลมไปได้ในระยะไกล
    High Power : การทำงานแบบพลังสูง “High Power” เครื่องทำงานต่อเนื่องในโหมดพลังสูงเป็นเวลา 15 นาที ช่วยให้ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
    24 Hour ION : ฟังก์ชั่นที่ทำให้อากาศสดชื่นเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยการปล่อยประจุลบตลอด 24 ชั่วโมง จากสารทัวมาลีนซึ่งเคลือบไว้ใต้ช่องจ่ายลม
    Self Clean Operation : ฟังก์ชั่นที่ทำให้คอยล์เย็นแห้งเพื่อยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา โดยพัดลมจะทำงานในรอบต่ำเพื่อเป่าลมไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นเป็นเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากปิดเครื่อง

    แม้โฆษณาจะมาในมู้ดและโทนที่ดูขำขัน แต่การตอกย้ำความมั่นใจกับผู้บริโภคในเรื่องความทนทานของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty นั้น ไม่ได้มาขำ ๆ อย่างแน่นอน เพราะแบรนด์ยังคงยึดมั่นในเรื่องของความทนทาน คุ้มค่า อย่างมีประสิทธิภาพที่มีมาตลอดกว่า 50 ปี สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือไม่อยากพลาดข่าวคราวของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ สามารถติดตามได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Mitsubishi Heavy Duty Thailand ได้เลยนะครับ

    หนุ่มหล่อตี๋อินเตอร์ ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร ล่าสุดได้รับเลือกเป็นพรีเซนเตอร์ต่อเนื่องปีที่ 2 ให้กับเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ ระบบอินเวอร์เตอร์อย่าง Carrier XInverter Plus พลัสอีกนิด ชีวิตดีขึ้นอีกเยอะ กับที่สุดของนวัตกรรมความเย็นที่ประหยัดพลังงาน โดดเด่นด้วยเอ็กซ์คลูซีฟดีไซน์ใหม่ ลงตัวทุกไลฟ์สไตล์ XInverter Plus มาพร้อม 2 สี 2 สไตล์ อย่างสีขาวและดำ ให้คุณเลือกสีที่บ่งบอกสไตล์ความเป็นคุณได้มากที่สุด ส่วนจะโดนใจจนฟิน แค่ไหน พิสูจน์ได้จากความเท่ของใบเฟิร์นและความสมาร์ทของต่อ ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆได้แล้ววันนี้

    [scroll_to link=”#PST5″ title=”Carrier”]

    พรีเซ็นเตอร์แอร์ แคเรียร์

    Carrier

    Carrier XInverter Plus พลัสสู่สิ่งที่ดีกว่า และมากกว่าเดิม ด้วยดีไซน์สุดหรูที่มีให้เลือกด้วยกันสองสี ขาว – ดำ เท่ ล้ำ ลงตัวทุกไลฟ์สไตล์ พรีเซ็นเตอร์แอร์ ‘ต่อ ธนภพ’ ที่จะมาส่งต่อความเท่แบบทะลุจอ ในสไตล์ XInverter Plus สีดำ  ความเย็นแบบมีระดับ และความเท่อย่างลงตัว พลัสสู่สิ่งที่ดีกว่า และมากกว่าเดิม Carrier XInverter Plus พลัสอีกนิด ชีวิตดีขึ้นอีกเยอะ Carrier XInverter Plus มาพร้อมการทำงานที่ครบครันมากถึง 14 ฟีเจอร์ นวัตกรรมแอร์มอบอากาศสะอาดที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ เราพร้อมเป็นที่สุดของความเย็นและประหยัดพลังงานในบ้านคุณ carrierthailand.com 

    เป็นไงกันบ้างคะ แต่ละยี่ห้อ ที่เลือก พรีเซ็นเตอร์แอร์ มา ดีมากๆเลยใช่ไหมคะ หากพี่ๆ ต้องการซื้อ เครื่องปรับอากาศ โปโมชั่นจากเรา สิทธิโชติแอร์สระบุรี สามารถดูได้ที่ โปรโมชั่นแอร์ที่ดีที่สุดจากเรา คลิ๊กเลยค่ะ 

  • อากาศหนาวเปิดแอร์ไม่เย็น

    อากาศหนาวเปิดแอร์ไม่เย็น

    อากาศหนาวเปิดแอร์ ทำไมไม่เย็น

    สวัสดีครับ ผมน้องเย็นเย็นจากสิทธิโชติแอร์ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า อากาศหนาวเปิดใช้งานแอร์ แล้วทำไมไม่เย็น ? หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา อาจเพราะการตั้งรีโมทแอร์ด้วย อากาศหนาวเปิดแอร์ไม่เย็น มีปัยจัยอะไรบ้างมาดูกันครับ

    สารบัญ

    • เพราะอะไร ? อากาศหนาวคอมเพลสเซอร์แอร์ถึงไม่ทำงาน
    • เครื่องปรับอากาศทำหน้าที่อะไร
    • อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเปิดใช้งานแอร์
    • เครื่องปรับอากาศเหมาะกับใคร
    • ข้อเสียของการเปิดแอร์ ช่วงหน้าหนาว

    เพราะอะไร ? อากาศหนาวคอมเพลสเซอร์แอร์ถึงไม่ทำงาน

    คุณรู้หรือไม่ ว่า อากาศภายนอกห้องที่เราจะเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศนั้น เป็นสิ่งสำคัญมากๆต่อการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ในบางครั้งอุณหภูมิภายนอกต่ำเช่น 18-23 องศาเซลเซียส แต่พี่ๆเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 24 องศาเซลเซียส ซึ่งพี่ๆตั้งอุณหภูมิไว้สูงกว่าอากาศภายนอกห้อง คอมเพลสเซอร์เครื่องปรับอากาศจึงไม่ทำงาน เพราะเนื่องจาก อากาศภายนอกต่ำกว่าที่เราตั้งไว้ ตัวเซ็นเซอร์ของเครื่องปรับอากาศก็จะไม่สั่งงานให้คอมเพลสเซอร์แอร์ทำงาน นี้คือเหตุผลที่ทำไม อากาศหนาวแล้วเครื่องปรับอากาศจึงไม่ทำงาน

    เครื่องปรับอากาศทำหน้าที่อะไร

    เครื่องปรับอากาศของประเทศไทยส่วนใหญ่นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อปรับอากาศที่ร้อนของภายในห้องที่ต้องการใช้งานให้มีอากาศเย็นขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วอุณหภูมิที่ปรับตั้งตามรีโมทจะอยู่ที่ 16- 31 องศาเซลเซียส ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการให้เครื่องปรับอากาศ ปรับอากาศให้เย็นขนาดไหน

    อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเปิดใช้งานแอร์

    การเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิอากาศ ที่พี่ๆต้องการ เช่น “อากาศวันนี้ร้อนจังเลย สูงถึง 30 องศาเซลเซียส แต่ฉันต้องการให้อุณหภูมิภายในห้องทำงานอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส พี่ๆก็ปรับตั้งอุณหภูมิที่รีโมทแอร์ให้อยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมกับการเปิดแอร์ก็คือ อุณหภูมิที่ต่ำกว่าเครื่องปรับอากาศจะสั่งทำงานได้ มารู้จักรีโมทแอร์ของเราให้ดีกว่าเดิมกันดีกว่าค่ะ 

    เครื่องปรับอากาศเหมาะกับใคร

    เครื่องปรับอากาศแบบทำความเย็น จะเหมาะสมกับผู้ใช้งาน ที่อยู่ในพื้นที่สภาพอากาศร้อน ซึ่งประเทศไทยส่วนใหญ่ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 18-43 องศาเซลเซียส ซึ่งในขณะพื้นที่บาง พื้นที่อยู่ในช่วงหน้าร้อน อากาศจะร้อนมากถึง 45 องศาเซลเซียส ทำให้ต้องมีเครื่องปรับอากาศมาช่วยแก้ปัญหาคลายร้อนให้กับพี่ๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้น สภาพอากาศต่ำพื้นที่หนาวเย็น เครื่องปรับกาศแบบทำความเย็นจึงไม่เหมาะสมที่จะใช้งาน

    ข้อเสียของการเปิดแอร์ ช่วงหน้าหนาว

    หลายครั้งที่ พี่ๆอาจจะพบเจอปัญหา อากาศภายนอกหนาว เปิดแอร์แล้วรู้อึดอัดไม่สบายตัว อาจเป็นเพราะ อุณหภูมิที่เครื่องปรับอากาศตั้งสูงกว่าภายนอกห้อง ทำให้เครื่องปรับอากาศนั้นทำอุณหภูมิสูงกว่าภายนอกห้อง จึงทำให้เกิดการอึดอัดแล้วไม่สบายตัว และอาจจะมีกลิ่นเหม็นอับออกมาด้วยครับ และที่สำคัญเครื่องปรับอากาศเหมาะกับกาศปรับอากาศให้เย็นขึ้น ถ้าอากาศเย็นอยู่แล้ว อย่าเปิดใช้งานเลยนะครับ ใช้พัดลมแทนดีกว่าประหยัดค่าไฟด้วย

    เกร็ดความรู้เรื่องแอร์

    เครื่องปรับอากาศส่วนมากในประเทศไทย จะเป็นเครื่องปรับอากาศแบบชนิดทำได้แต่ความเย็น แต่เครื่องปรับอากาศในต่างประเทศจะมีแบบทั้งทำความร้อนและทำความเย็น หรือ บางประเทศที่ไม่ต้องการทำความเย็นแต่ต้องการให้อากาศอุ่นจะใช้เป็นตัว Heater แทน

     

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [row width=”full-width” h_align=”center”]

    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]

  • เปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์

    เปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์

    เปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์ ดีอย่างไร

    คุณกำลังอยากเปลี่ยนแอร์ใหม่ใช่ไหม แต่เปลี่ยนแอร์หนึ่งตัวราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่แอร์มักมีปัญหาที่ตัวคอยล์เย็น คอยล์ร้อนด้านนอกก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ ทีนี้จะทำอย่างไรดีน้า เปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์ เป็นทางเลือกช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋า เปลี่ยนคอยล์เย็นดีกว่ายังไงมาดูกันคะ

    สารบัญ

    [scroll_to link=”#whyindoor1″ title=”ทำไมต้องเปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์”]

    ทำไมต้อง เปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์

    คอยล์ร้อนส่วนใหญ่รับประกันคอมเพลสเซอร์ ต่ำสุด 5ปี และ สูงสุด 12 ปีเลยทีเดียว ซึ่งแตกต่างกับคอยล์เย็นด้านในที่รับประกันสูงสุดมีแค่ 1 หรือ 2 ปี เท่านั้น เพราะเหตุนี้ เราจึงมีทางเลือก เปลี่ยนเฉพาะคอยล์เย็น มาดูกันว่า? ทำไมต้องเปลี่ยนคอยล์เย็น

    [scroll_to link=”#whyindoor2″ title=”คอยล์เย็น คืออะไร”]

    คอยล์เย็น คืออะไร

    คอยล์เย็นคือ ส่วนประกอบของแอร์บ้าน ที่อยู่ด้านในตัวบ้าน ที่ต้องติดตั้งคู่กับคอยล์ร้อน มีท่อทองแดงเดินระบบน้ำยาเชื่อมเข้ากันระหว่างคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น คอยล์เย็นจะมีหน้าที่ส่งลมเย็นให้กับภายในห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

    [ux_video url=”https://youtu.be/p76CejVv43I”]

    [scroll_to link=”#whyindoor3″ title=”เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยนคอยล์เย็น”]

    เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยนคอยล์เย็น

    เราจะรู้ได้อย่างไรว่า แอร์ตัวในที่เราใช้ หรือที่เรียกว่าคอยล์เย็น เริ่มหมดสภาพถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว หลายครั้งแล้วนะที่เราเรียกช่างมาซ่อมคอล์เย็นด้านในเพราะ

    • แอร์เก่าแอร์เหลือง
    • แอร์เหม็น
    • แอร์เสียงดัง
    • แอร์กินไฟ
    • แอร์ไม่เย็น ลมไม่แรง
    • ชิ้นส่วนพัง ซ่อมไม่จบ
    • หาอะไหล่ไม่ได้เพราะแอร์เก่ามาก

    [scroll_to link=”#whyindoor4″ title=”ข้อดีของการเปลี่ยนคอยล์เย็น”]

    ข้อดีของการเปลี่ยนคอยล์เย็น

    เพราะคอยล์เย็นเปรียบเสมือนสมองสั่งการให้คอยล์ร้อนทำงาน
    เมื่อสมองไม่ดี เก่า แก่ เหนื่อยแล้ว เราจึงต้องเปลี่ยนใหม่ เพื่อ แก้ปัญหาให้ตรงจุดและหมดไป ช่วยประหยัดค่าไฟ เปรียบเสมือนได้แอร์ใหม่ เย็นฉ่ำ ลมแรง อากาศสะอาดใหม่ หมดปัญหาซ่อมจุกจิก รูปลักษณ์สวยงาม เพิ่มความสวยงามให้กับห้องของท่าน คุ้มค่ากว่า รับประกันยาวสูงสุด 2 ปีเต็ม  มีอะไหล่สำรองทุกชิ้น  เพราะตัวสินค้าเป็นสินค้ารุ่นใหม่ ปี2021

    [scroll_to link=”#whyindoor5″ title=”ราคาเปลี่ยนคอยล์เย็น”]

    ราคาเปลี่ยนคอยล์เย็น

    ราคาการเปลี่ยนคอยล์เย็น ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดแอร์ตัวเก่าของท่าน ส่วนมากขนาดจะอยู่ที่ 9000 btu 12000 btu 18000 btu 24000 btu สำหรับบ้านทั่วไป ราคาจะเริ่มต้นเพียง 6,000 บาท และ จะเพิ่มขึ้นตามขนาด BTU ซึ่งถ้าเทียบกับการเปลี่ยนแอร์ใหม่ทั้งชุด ราคาจะถูกมากกว่าครึ่งแน่นอนค่ะ

    [scroll_to link=”#whyindoor6″ title=”ขั้นตอนการ เปลี่ยนคอยล์เย็น”]

    ขั้นตอนการ เปลี่ยนคอยล์เย็น

    ลูกค้าคงสงสัยว่า เปลี่ยนไปแล้วจะเหมือนได้แอร์ใหม่อย่างไร เรามาดูรายละเอียดขั้นตอนก่อนดีกว่า

    • ช่างผู้ชำนาญการจะตรวจเช็คก่อนทำการเปลี่ยนทุกครั้ง ว่าที่จริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากอะไรแน่
    • ทีมช่างเริ่มตรวจเช็คคอยล์ร้อนด้านนอก โดยการเช็ค คอมเพลสเซอร์ กระแสไฟ ปริมาณค่าสารทำความเย็น
    • ทีมช่างจะถอดตัวคอยล์เย็นด้านในออก และ ใส่ตัวใหม่เข้าแทน
    • เมื่อทำการติดตั้งตัวคอยล์เย็นเรียบร้อย ทางทีมช่างจะเริ่มทำการแว็คคั่มระบบน้ำยาให้เป็นสูญญากาศ100%
      (แว็คคั่มคือการทำระบบน้ำยาให้ตามมาตรฐานเพื่อความเย็นฉ่ำและยืดอายุงานเครื่องปรับอากาศ)

    วิธีดูแลเครื่องปรับอากาศ

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [row width=”full-width” h_align=”center”]

    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]

  • ปรับรีโมทแอร์ ให้เย็นฉ่ำ

    ปรับรีโมทแอร์ ให้เย็นฉ่ำ

    แอร์ไม่เย็น ปรับรีโมทแอร์ ผิดหรือเปล่า

    ปัญหาแอร์ไม่เย็น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการ ปรับรีโมทแอร์ ผิด! ปัญหาระดับชาติ ที่ทุกคนต้องเคยทำ ปรับรีโมทแอร์ผิดทำให้แอร์ไม่เย็น แอร์มีแต่ลมออกเพราะกดเปิดโหมด พัดลม แอร์มีโหมดหลายโหมดให้คุณเลือกใช้ ให้เหมาะกับการใช้งาน เช่นโหมดพัดลมเหมาะกับการทิ้งอากาศภายในตัวเครื่องออกมา สามารถลดกลิ่นอับได้ ควรเปิดหน้าต่างเอาไว้ด้วยเพื่อแอร์จะเอาอากาศใหม่เข้าไปในตัวเครื่อง ดังนั้นหากคุณต้องการความเย็น แนะนำเป็นโหมด Cool วันนี้เรามาทำความรู้จักรีโมทแอร์ของเราให้มากขึ้นดีกว่า

    หมวดหมู่

    [scroll_to title=”ปุ่มรีโมทแอร์ มีอะไรบ้าง” link=”#remoteair1″]

    ปุ่มรีโมทแอร์ ปรับรีโมทแอร์ มีอะไรบ้าง

    1. ปุ่มเปิด-ปิด
    2. ปุ่มปรับโหมดแอร์
    3. ปุ่มปรับแรงลม
    4. ปุ่มตั้งเวลาเปิด-ปิด
    5. ปุ่มปรับสวิงแอร์
    6. ปุ่มเร่งความเย็นสูงสุด
    7. ปุ่มSleep
    8. ปุ่มCleanทำความสะอาด (มีบางรุ่น)
    9. ปุ่มประหยัดพลังงานEco (มีบางรุ่น)
    10. ปุ่มรีเซ็ตรีโมท
    11. ปุ่มสกินแคร์ (มีบางรุ่น)
    12. ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง (มีบางรุ่น)
    13. ปุ่มฟอกอากาศ (มีบางรุ่น)
    14. ปุ่มHeat (มีบางรุ่น)

    [scroll_to title=”รีโมทแอร์ มีกี่ประเภท” link=”#remoteair2″]

    รีโมทแอร์ มีกี่ประเภท

    รีโมทแอร์ที่ใช้งานทั่วไป จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ รีโมทแบบไร้สาย และ รีโมทแบบมีสาย ซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะการใช้งานและฟังก์ชั่นเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ จุดประสงค์ของผู้ใช้งานว่าต้องการให้รีโมทแอร์เคลื่อนย้ายได้หรือไม่ ส่วนมากอยู่ที่หน้างานที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศว่าเหมาะสมที่จะเคลื่อนย้ายรีโมทได้หรือไม่

    • รีโมทไร้สาย คือ รีโมทที่ไม่ติดกับตัวเครื่อง เคลื่อนย้ายไปมาได้ เหมาะสำหรับที่พักที่อยู่อาศัย ต้องใส่ถ่านรีโมท รีโมทถึงจะใช้งานได้ พบเห็นตามบ้านตัวไป
    • รีโมทมีสาย คือ รีโมทที่ติดกับตัวเครื่องไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โดยจะมีสายต่อจากเครื่องปรับอากาศ นำรีโมทต่อยืดติดกับผนังต่างๆ ตามตำแหน่งที่ระบุตำแหน่งไว้ ส่วนมากจะพบเห็นตามสำนักงาน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีผู้ใช้จำนวนมาก เพื่อป้องกันที่จะทำรีโมทหาย

    [scroll_to title=”โหมดของรีโหมดแอร์” link=”#remoteair3″]

    โหมดของรีโหมดแอร์

    โหมดแอร์ออโต้

    Auto mode = โหมดอัตโนมัติ คือ โหมดทำความเย็นตามเครื่องปรับอากาศ การทำงานตอนแรกจะเร่งทำความเย็น ซึ่งอุณหภูมิที่เราจะได้ จะอยู่ประมาณ25องศา การทำงานนั้นจะสลับไปมาระหว่างโหมดCool และ Dry เพราะถ้าไม่ได้อุณหภูมิตามเซ็นเซอร์เครื่องปรับอากาศตั้งไว้ โหมดCoolก็จะทำงานออโต้ เมื่อความเย็นได้ที่แล้ว ก็จะปรับมาเป็นโหมดDryออโต้ เช่นเดียวกัน การทำงานก็จะสลับไปมาแบบนี้ตลอดการใช้งาน บางยี่ห้อก็มีชื่อเรียกว่า I Feel ซึ่งก็คือ โหมดAuto นั้นเอง

    เหมาะสำหรับ: ผู้สูงอายุ หรือ สำหรับท่านที่ไม่ชอบคิดมาก ต้องการแค่กดเปิด/ปิด เครื่องอย่างเดียว ไม่ชอบอุณหภูมิต่ำ(หนาว)เกินไป
    ข้อสังเกต: อุณหภูมิที่ได้ เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน เพราะการสลับไปมาระหว่างโหมดCoolและDry สำหรับคนชอบความเย็นจัด จะไม่ชอบโหมดนี้

    โหมดแอร์ โหมดคูล

    Cool mode = โหมดเย็นเฉียบ คือ โหมดทำความเย็นแบบเลือกอุณหภูมิได้ ตามที่คุณต้องการ จะปรับร้อนปรับหนาว อยู่ที่คุณเลือกเลย แต่ก่อนหลายท่านชอบบอกว่าอยากได้แอร์เย็นๆ ให้เปิดโหมดCool แต่อย่าลืมนะคะ โหมดcoolต้องปรับอุณหภูมิลงมาด้วย เช่น คุณชอบอากาศประมาณ 24 องศา คุณก็ต้องตั้งเลขไว้ที่24เพราะถ้าเปิดโหมด cool อย่างเดียวแล้วไม่ปรับอุณหภูมิลงตาม แอร์ก็จะไม่เย็นตามที่ต้องการ ดั่งนั้น ชอบอุณภูมิที่เท่าไหร่ ปรับเลย

    เหมาะสำหรับ: ช่วงอากาศร้อนจัด และ ท่านที่ชอบอุณหภูมิแบบตามใจตัวเอง ชอบอุณหภูมิเท่าไหร่ก็ปรับตามใจเลยค่ะ
    ข้อสังเกต: ท่านจะต้องกดปรับรีโมทถึง2ครั้งเพราะจะต้องกดโหมดCoolแล้ว ยังต้องปรับที่อุณหภูมิอีก และอีกวันใดที่อากาศร้อน คุณต้องลดอุณหภูมิลงมาอีกสัก 1-2 องศาเพื่อได้อากาศตามที่ต้องการ ไม่ปรับออโต้ตามโหมดด้านบน

    ปรับรีโหมดแอร์ โหมดดราย

    Dry mode = โหมดลดความชื้น คือ โหมดนี้จะทำงานคล้ายๆ โหมดCool แต่ความเย็นจะได้ได้เท่าโหมดCool โหมดนี้จะลดความชื้นลง ควบคุมความชื้น

    เหมาะสำหรับ: ช่วงที่มีอากาศชื่น เช่นฝนตก หรือ เหมาะสำหรับห้องที่ควบคุมความชื่นเช่นห้องเก็บของ
    ข้อสังเกต: ประเทศไทยจะไม่ค่อยเหมาะกับโหมดนี้เพราะอุณหภูมิที่ได้จะไม่คงที่ และไม่เย็นตามที่ต้องการ

    โหมดแฟน แอร์

    Fan mode = โหมดพัดลม คือ พัดลมจริงๆค่ะ มีแต่ลมออกมาเลย ไม่มีความเย็นจากระบบน้ำยาสักนิด ใครที่ชอบเผลอกดโหมดนี้จะคิดว่าแอร์เสียตลอดเลยค่ะ เพราะแอร์จะมีแต่ลมออกมา ยิ่งอากาศร้อนๆแล้ว ลมที่ออกมาจากหน้าแอร์ ก็จะร้อนเช่นกันค่ะ

    เหมาะสำหรับ: ท่านที่ทำความสะอาดห้องเปิดประตูหน้าต่างออก แนะนำเปิดแอร์โหมดFanไปด้วยเลย ลดกลิ่นอับที่แอร์ได้ เพราะแอร์จะดูดอากาศใหม่ๆเข้าที่ตัวเครื่อง และ ทิ้งอากาศเดิม ๆ ภายในห้อง
    ข้อสังเกต: โหมดนี้ไม่มีความเย็นเลยค่ะ ไม่ควรเปิดใช้ถ้าหากท่านต้องการความเย็น

    [scroll_to title=”ปรับรีโมทแอร์ยังไงให้เย็นฉ่ำ” link=”#remoteair4″]

    ปรับรีโมทแอร์ ยังไงให้เย็นฉ่ำ

    วันนี้ผมมีเคล็ดลับ ที่ไม่ลับ! มาฝากกันครับ ปรับรีโมทแอร์ให้เย็นฉ่ำไม่ใช่เรื่องยาก

    • ตั้ง โหมด ให้เป็น Cool อยู่เสมอ โหมด Cool คือโหมดที่ทำให้เครื่องปรับอากาศเย็น หรือ ไม่เย็นก็ได้ เอ้! ทำไมผมถึงบอกแบบนี้เพราะ การที่คุณจะเลือกให้โหมดคูลนั้น ต้อง คล้องจองกับอุณหภูมิ ที่ตั้งด้วย เช่น ถ้าอยากให้เย็น ต้องใช้โหมดคูล กับ ปรับอุณหภูมิไม่เกิน 25 องศา หากคุณขี้หนาวหน่อย ใช้โหมดคูล กับ ปรับอุณหภูมิมากว่า 25 องศา ได้เลยครับ
    • ตั้งอุณหภูมิให้ต่ำกว่าอุณหภูมิภายนอก คุณเคยสังเกตไหมว่า ปกติเราปรับอุณหภูมิไว้เท่านี้แอร์ก็เย็น แต่ทำไมวันนี้ แอร์ไม่เย็นเลย เพราะตัวเซ็นเซอร์จับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศจับอุณหภูมิ ได้ตามทั้งตั้งไว้แล้ว แอร์เลยไม่ได้ปล่อยความเย็นออกมา เพราะอากาศภายนอกหรืออุณหภูมิภายในห้อง เท่ากับที่เราตั้งค่ารีโมทไว้
    • ปรับแรงลม อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเลือกปรับแรงลม ยิ่งปรับอุณหภูมิต่ำแล้ว แรงลมแรงยิ่งแรง ยิ่งเย็นฉ่ำไปเลยครับ
    • สรุปปรับแบบนี้เย็นแน่นอน โหมด คูล + ต่ำกว่า 25 องศา + ลมแรงที่สุด ** ไม่เย็น ต้องล้างแอร์ หรือ เช็คความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศ

    [scroll_to title=”ปรับรีโมทแอร์ช่วยประหยัดไฟ” link=”#remoteair5″]

    เคล็ดลับปรับรีโมทแอร์ช่วยประหยัดไฟ

    เปิดแอร์แบบประหยัดไฟ แค่ปรับรีโหมดแบบนี้ประหยัดจริง  ข้อมูลจากการไฟฟ้า คุณต้องเคยเห็นโฆษณาผ่านตาบ้างใช่ไหม ที่บอกให้ตั้งอุณหภูมิรีโมทไว้ที่ 25 องศา นั้นแหละครับ เคล็ดลับการประหยัดไฟ การที่เราตั้งอุณหภูมิ ที่ 25 องศาขึ้นไป ทำให้เครื่องปรับอากาศ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป เมื่อคอมเพลสเซอร์ ไม่ทำงานหนัก ก็จะไม่กินไฟเยอะ เคล็ดลับเพิ่มเติม ก่อนที่คุณจะเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศ หากภายในห้องร้อนมากๆ แนะนำเปิดพัดลมเพื่อปรับให้ห้องมีอุณหภูมิ ที่ต่ำลง แบบนี้อากาศในห้องจะเย็นเร็ว และ เครื่องปรับอากาศก็จะไม่ต้องทำงานหนักอีกด้วย เลือกแอร์ประหยัดไฟ เลือกแอร์เบอร์5 มีดาว

    [scroll_to title=”วิธีดูแลรักษารีโมทแอร์” link=”#remoteair6″]

    รีโหมดแอร์

    วิธีดูแลรักษารีโมทแอร์

    รีโมทแอร์ ถือว่าเป็นอะไหล่แอร์ชิ้นนึงที่เสียบ่อยมากๆ เพราะการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ จำเป็นต้องสั่งผ่านรีโมทแอร์ หลายครั้งที่พบเจอรีโมทแอร์ใช้งานไม่ได้เพราะทำร่วง ทำตก จนเกิดความเสียหายกับรีโมทแอร์ ซึ่งถ้ารีโมทแอร์เสียแล้ว จะไม่สามารถซ่อมได้ หรือ เปลี่ยนใหม่ได้เพราะทางบริษัทผู้ผลิตจะรับประกันรีโมทแค่ 1 ปี เท่านั้น หากรีโมทเสียแล้ว แนะนำซื้อใหม่ดีกว่า ซ่อม เพราะรีโมทมีแบบเทียบรุ่น หรือ ตัวแทนสำหรับรุ่นนี้ได้ ราคาจะถูกกว่า

    1. เอาถ่านออก หากต้องรู้ว่าเราจะไม่ใช้เครื่องปรับอากาศมากกว่า 7 วัน เพราะถ่านละลายเป็นสาเหตุ 1 ที่ทำให้รีโมทพังได้
    2. ใช้งานรีโมทอย่างระมัดระวัง เลี่ยงการทำตก ทำหล่น เพื่อไม่ให้ภายในรีโมทเสียหาย ตกแตก หน้าจอมีปัญหาได้
    3. ดูแลทำความสะอาดรีโมทแอร์ โดยการเป่าฝุ่น เช็ดฝุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปตามร่องรูรีโมทได้

    [scroll_to title=”ไม่มีรีโมทแอร์ เปิดแอร์ได้ไหม” link=”#remoteair7″]

    ไม่มีรีโมทแอร์ เปิดแอร์ได้ไหม

    เปิดได้ค่ะ เครื่องปรับอากาศเกือบทุกรุ่น จะมีสวิทปิด-เปิดอยู่ที่ตัวเครื่อง ซึ่งถ้าหากจำเป็นจริงๆ สามารถเปิดที่ตัวเครื่องได้  แต่การเปิด-ปิดที่ตัวเครื่องนั้น เป็นการทำได้แค่เปิด-ปิดเครื่องเท่านั้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศจะทำงานตามที่เรา ปรับรีโมทแอร์ หรือ อาจจะเปิดตามอุณหภูมิมาตราฐานการตั้งค่าจากโรงงานไว้ค่ะ จะอยู่โดยประมาณ 25 องศา หาก รีโมทแอร์เสีย เปิดแอร์ไม่ได้ อย่าลืม ว่าสามารถเปิดปิดที่ตัวเครื่องได้ครับ

    [ux_video url=”https://youtu.be/59PSz-OOqp4″]

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]

  • แอร์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ มีดาว

    แอร์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ มีดาว

    แอร์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ มีดาว

    ลูกค้าหลายท่าน ตัดสินใจการซื้อสินค้าสักชิ้น จากฉลากประหยัดไฟ เบอร์5 แน่นอน
    ล่าสุด กฟผ. ได้จัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้า แอร์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ มีดาว ให้สูงขึ้นกว่าฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เดิม โดยปรับให้เป็น “ฉลาก ประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว” โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนา ประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้า และให้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่ายกว่าเดิม

    ฉลากประหยัดไฟเบอร์5มีดาว

    รูปภาพรายละเอียดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ แบบมีดาว

    โดย แอร์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ มีดาว

    แบ่งเกณฑ์ระดับประสิทธิภาพพลังงานออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ เบอร์ 5 , เบอร์ 5 ★ , เบอร์ 5 ★★ , เบอร์ 5 ★★★
    ซึ่งยิ่งมีจำนวนดาวมาก ยิ่งแสดงถึงการประหยัดไฟที่มากขึ้น โดยแต่ละระดับสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 – 10เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่นี้ ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาต่อไปนี้ หากจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าลืมมองหาฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ สังเกตง่ายๆ คือ ฉลากที่มี “ดาว” ★ ปรากฏบนฉลาก ดาวยิ่งมาก ยิ่งประหยัดไฟ !!!

    ทำความรู้จักค่า SEER บนฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้าของแอร์

    ประเทศไทยเราอยู่ในเขตร้อนครับ และประเทศเราก็ไม่มีฤดูหนาวอย่างเป็นทางการมาเป็นสิบปีแล้ว เรามีแค่ ร้อน ร้อนกว่า กับร้อนที่สุดละมั้ง และนั่นทำให้หลายบ้านต้องติดแอร์ครับ แต่สิ่งที่ต้องทำใจเวลาที่ติดแอร์ก็คือ “ค่าไฟ” ซึ่งบอกตรงๆ เดี๋ยวนี้ค่าไฟสำหรับบ้านที่อยู่กันสองคน แต่เปิดแอร์นอนกันคนละห้อง เดือนนึงสามพันกว่าบาทนี่คงเป็นเรื่องปกติละมั้ง จะไม่เปิดแอร์เลยคงไม่ได้ ดีที่สุดคงทำได้แค่หาแอร์ที่ประหยัดไฟที่สุดมาใช้ ซึ่งหลายคนก็ดูที่ฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้านี่แหละ

    ฉลากเบอร์5 แบบใหม่ แบบเก่า

    รูปภาพแสดง ข้อแตกต่างระหว่างฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่

    ข้อแตกต่างเบอร์5 แบบเก่า แบบใหม่

    ฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้าสมัยก่อนเป็นแบบนี้ครับ มันจะระบุให้เห็นว่าเป็นมาตรฐานของปีไหน แล้วแสดงข้อมูลให้ดูว่าเครื่องปรับอากาศตัวนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณกี่หน่วยต่อปี แล้วคิดเป็นเงินกี่บาทต่อปี และเมื่อคิดแล้ว ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของแอร์ตัวนี้เป็นเท่าไหร่

    ซึ่งประสิทธิภาพของแอร์เนี่ย คือ EER (Energy Efficiency Ratio) ครับ มันเป็นค่าที่ได้จากการทดสอบการทำงานของเครื่องปรับอากาศยี่ห้อและรุ่นนั้นๆ แต่ค่านี้มันมีข้อจำกัด เพราะว่าในสภาพการใช้งานจริง ฤดูกาลที่แตกต่างกันออกไป ก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าแตกต่างกันไปได้ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยเราจะไม่ได้มี “หน้าหนาว” จริงจังแล้ว แต่เฉพาะแค่หน้าฝน อากาศมันก็แตกต่างไปจากหน้าร้อนแล้วล่ะ

    ยิ่งปัจจุบันนี้คนหันมาใช้ แอร์แบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ซึ่งมีโฆษณากันปาวๆ ว่า เป็นแอร์ที่ประหยัดไฟขึ้น … แอร์ประเภทนี้จะไม่ได้ทำงานอยู่ภายใต้สภาวะเดียวตลอดทั้งปีครับ ฉะนั้น จึงต้องมีการปรับปรุงตัวชี้วัดประสิทธิภาพของแอร์ซะใหม่ โดยเพิ่มตัวแปรด้านสภาพอากาศเข้าไปด้วย

    และนั่นก็คือที่มาของค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ration) ซึ่งก็คือค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของแอร์นั่นแหละ แต่งวดนี้วัดกันตามฤดูกาลด้วย หรือก็คือ นำค่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีผลต่อการทำงานของแอร์มาร่วมพิจารณา ทำให้เราสามารถใช้มันในการประเมินประสิทธิภาพของแอร์แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นได้แม่นยำขึ้น

    แอร์ยิ่งมีดาวยิ่งประหยัด

    รูปภาพแสดง เกณฑ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ แบบมีดาว

    แอร์เบอร์5มีดาว ต้องมีค่า SEER เท่าไหร่ถึงมีดาวกี่ดวง

    เกณฑ์ค่า SEER ฉลากประหยัดเบอร์ 5 แบบใหม่ แบบมีดาว

    ระบบธรรมดา (Fix Speed)

    ที่มีขนาดทำความเย็น น้อยกว่า 27,000 BTU

    ค่า SEER 12.85 – 13.84 = ไม่ได้ดาว

    ค่า SEER 13.85 – 14.84 = ★

    ค่า SEER 14.85 – 15.84 = ★★

    ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า15.85 = ★★★

    ที่มีขนาดทำความเย็น 27,000 – 41,000 BTU

    ค่า SEER 12.40 – 13.39 = ไม่ได้ดาว

    ค่า SEER 13.40 – 14.39 = ★

    ค่า SEER 14.40 – 15.39 = ★★

    ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า15.40 = ★★★

    ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter)

    ที่มีขนาดทำความเย็น น้อยกว่า 27,000 BTU

    ค่า SEER 15.00 – 17.49 = ไม่ได้ดาว

    ค่า SEER 17.50 – 19.99 = ★

    ค่า SEER 20.00 – 22.49 = ★★

    ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า 22.50 = ★★★

    ที่มีขนาดทำความเย็น 27,000 – 41,000 BTU

    ค่า SEER 14.00 – 16.49 = ไม่ได้ดาว

    ค่า SEER 16.50 – 18.99 = ★

    ค่า SEER 19.00 – 21.49 = ★★

    ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า 21.50 = ★★★

    สรุปง่ายๆ ของ แอร์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ มีดาว 2022

    คือ หากลูกค้าคิดจะซื้อแอร์แล้วต้องการจ่ายค่าไฟให้ประหยัดที่สุด สิ่งที่ต้องทำก็คือ เลือกแอร์ที่มี BTU เหมาะสมกับขนาดของห้องนะครับ
    ถ้าเป็นไปได้ เลือกใช้แอร์แบบอินเวอร์เตอร์ (ราคาแอร์อาจจะแพงกว่า แต่ในระยะยาวก็จะประหยัดไฟกว่าแอร์ทั่วไป แต่อันนี้เลือกตามความคุ้มค่านะครับ)
    ดูข้อมูลจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้าครับ ดูค่า SEER ด้วย แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า ประหยัดไฟเบอร์ห้า แสดงว่ายี่ห้อนี้รุ่นนี้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับเบอร์นี้ แต่ว่าแอร์ต่างยี่ห้อต่างรุ่น แม้จะเบอร์ห้าเหมือนกัน แต่ก็อาจจะประสิทธิภาพในการใช้พลังงานแตกต่างกันนะครับ

    ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ศูนย์ข่าวพลังงาน energynewscenter

    [ux_video url=”https://www.youtube.com/watch?v=XEPWxEO44M4″]

    [ux_video url=”https://www.youtube.com/watch?v=BwH4NfjJ_4I&t=71s”]

    [ux_video url=”https://www.youtube.com/watch?v=FfcS6znjf7Q”]

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]

  • การเลือกBTUแอร์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง

    การเลือกBTUแอร์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง

    การเลือกBTUแอร์ ให้เหมาะห้อง

    คงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ถ้าจะบอกว่า แอร์ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยที่มีอุณหภูมิในฤดูร้อนมากถึง 40 องศา แค่นั่งอยู่เฉยๆเหงื่อก็แตกแล้ว แอร์จึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของบ้านและอาคารต่างๆที่ต้องเผชิญกับความร้อน ทำให้เวลาที่เราทำบ้านหรือทำคอนโด แน่นอนว่าจะต้องมีการใช้เวลา 2-3 วันเพื่อออกไปเลือกแอร์เข้าติดตั้งในบ้าน แต่การเลือกแอร์อาจจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับหลายๆ คน บางคนอาจจะรู้สึกว่าการเลือกแอร์เป็นงานยากด้วยซ้ำ แม้ว่าที่จริงแล้ว การเลือกBTUแอร์ จะไม่ใช่เรื่องยากเลยก็ตาม

    การเลือกแอร์ โดยเฉพาะแอร์บ้านจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ด้วยจำนวนรุ่น, จำนวนยี่ห้อ, จำนวนขนาดที่มีให้เลือกเยอะ อาจจะทำให้หลายๆ คนเกิดความสับสนและคิดว่าการเลือกแอร์เป็นเรื่องยาก แต่ถึงแม้ว่าแอร์จะมีรุ่นให้เลือกมากมายหลายรุ่น แต่สุดท้ายหลักการเลือกแอร์ก็จะคล้ายๆ กัน ถ้ารู้วิธีการเลือกแอร์แล้วก็จะสามารถเลือกซื้อได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ประหยัดเงิน เลือกขนาดที่เหมาะสมกับตัวห้อง และที่สำคัญคือไม่ต้องกังวลว่าจะโดนพนักงานขายชักจูงให้ซื้อรุ่นที่สูงและแพงเกินความจำเป็นอย่างแน่นอน

    ในบทความนี้สิทธิโชติแอร์จะมาแชร์วิธีการเลือกแอร์ โดยเน้นเขียนให้เข้าใจง่ายๆ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจการเลือกแอร์ได้ด้วยตัวเอง เหมาะกับคนที่ไม่เคยเลือกแอร์มาก่อนสามารถที่จะอ่านแล้วเดินทางไปซื้อแอร์ที่ห้างสรรพสินค้าได้ด้วยตัวเองในทันที การเลือกแอร์มีสิ่งที่ต้องยึดมั่นเป็นอย่างมากคือ “ให้เลือกแอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ห้อง” การเลือกแอร์ที่ผิดพลาดส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นจากการซื้อแอร์ที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ห้องเช่น ห้องมีขนาดใหญ่แต่เลือกแอร์ตัวเล็กก็จะทำให้เปลืองไฟและแอร์พังได้ง่าย หรือ ห้องมีขนาดเล็กแต่เลือกแอร์ที่มีขนาดใหญ่เกินไปก็จะทำให้เสียเงินเยอะเกินไปโดยใช้เหตุ

    ดังนั้นเมื่อพูดถึงการเลือกแอร์แล้ว คำศัพท์ที่มีความสำคัญและคุ้นหูหลายๆคนมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “BTU” มันคือตัวเลขที่มีความสำคัญต่อการเลือกแอร์มากที่สุด มากกว่าราคาด้วยซ้ำ ว่าแต่ BTU มันคืออะไร ถ้าตอบแบบรวดเร็วค่า BTU ก็คือตัวเลขที่แสดงถึงความสามารถในการสร้างความเย็นของแอร์แต่ละตัว เราไปรู้จักค่า BTU แบบละเอียดรวมถึงการเลือกแอร์ที่มีค่า BTU แบบต่างๆกันด้านล่างนี้เลย

    BTU คือ อะไร

    BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหน่วยหนึ่ง (ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมากในระบบของเครื่องปรับอากาศ) สามารถเทียบได้กับหน่วยจูลหรือแคลอรี่ในระบบสากล โดยที่ความร้อน 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ แอร์นั้นจะวัดกำลังความเย็นหรือความสามารถในการดึงความร้อน (ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วยบีทียู (BTU) เช่นแอร์ขนาด 14,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมายความว่าแอร์เครื่องนั้นมีความสามารถในการดึงความร้อนออกจาก ห้องปรับอากาศ 14,000 บีทียูภายในเวลา 1 ชั่วโมง

      ระบบอินเวอร์เตอร์คืออะไร !

    ทำไมถึงต้อง การเลือกBTUแอร์ ให้พอเหมาะกับขนาดของห้อง

    ถ้าเลือก BTU สูงไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตัดบ่อยเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลง ทำให้ความชื้นในห้องสูง ไม่สบายตัวและที่สำคัญราคาแพงและสิ้นเปลืองพลังงาน

    ถ้าเลือก BTU ต่ำไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตลอดเวลา เพราะความเย็นห้องไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ อาจจะสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเลือกบีทียูที่พอดีกับห้อง และทำให้อายุการใช้งานของเครื่องสั้นลง มีโอกาสเสียเร็วมากขึ้น รวมถึงทางแบรนด์ผู้ผลิต โรงงาน ศูนย์บริการ ในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์อาจจะไม่ได้รับประกันในตัวสินค้า กรณีตัวสินค้ามีปัญหา เนื่องจากการใช้งานผิดสเป็ค ผิดประเภท หรือผิดขนาด

    การเลือกBTUแอร์บ้าน

    ตารางข้างต้นเป็นการคำนวณบีทียูห้องมาตรฐาน ทั้งนี้คุณลูกค้าควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม

    คำนวณโดยการใช้สูตรพื้นที่ห้อง

    BTU = [กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร)] x ตัวแปร

    ตัวแปร
    750 สำหรับห้องนอนปกติ : ที่ไม่โดดแดด
    800 สำหรับห้องนอนปกติ : ที่โดดแดด
    850 สำหรับห้องทำงาน : ที่ไม่โดดแดด
    900 สำหรับห้องทำงาน : ที่โดดแดด
    950 – 1,100 สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน : ที่ไม่โดดแดด
    1,000 – 1,200 สำหรับร้านอาหาร ร้านทำผม มินิมาร์ท ร้านค้า สำนักงาน : ที่โดดแดด
    1,100 – 1,500 ห้องประชุม ห้องสัมมนา ร้านอาหารสุกี้/ชาบู/ปิ้งย่างที่มีหม้อต้มหรือเตาความร้อนเยอะ หรือห้องที่มีจำนวนคนต่อพื้นที่เยอะกว่าปกติหลายเท่า

    ตัวอย่างการคำนวณ

    ห้องนอนไม่ค่อยโดดแดด กว้าง 5.5 เมตร, ยาว 6 เมตร

    BTU = [5.5 เมตร x 6 เมตร] x 700

    = 33 ตารางเมตร x 700

    = 23,100 => 24,000

    เพราะฉะนั้น คุณลูกค้าควรใช้แอร์ขนาด 24,000 บีทียู (สามารถสูง-ต่ำได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเกิน 1,000 บีทียู)

    ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม 

    • ทิศทางที่แดดส่องหรือทิศที่ตั้งของห้อง
    • วัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่
    • ความสูงระหว่างพื้นกับเพดานห้อง
    • ขนาดของประตูหรือหน้าต่างกระจก
    • ความถี่ในการเปิด/ปิดประตู เข้า/ออก
    • จำนวนคนในห้อง
    • จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง อาทิ คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาอบ

    ห้องที่มีฝ้าเพดานสูง คำนวณโดยใช้สูตรปริมาตรของห้อง

    BTU = [[กว้าง(เมตร) x ยาว(เมตร) x สูง(เมตร)] x ตัวแปร] / 3

    ตัวอย่างการคำนวณห้องที่มีเพดานสูง

    ห้องทำงานโดดแดด กว้าง 6 เมตร, ยาว 8 เมตร, สูง 4 เมตร

    BTU = [[6 เมตร x 8 เมตร x 4 เมตร ] x 900] / 3

    = [192 ตารางเมตร x 900] / 3

    = 172,800 / 3

    = 57,600 => 58,000

    เพราะฉะนั้น คุณลูกค้าควรใช้แอร์ขนาด 58,000 บีทียู (สามารถสูง-ต่ำได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรเกิน 1,000 บีทียู

    สรุป ก็คือ การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายของคุณลูกค้าอีกด้วยนะครับ

    [row]

    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”คำนวนขนาดห้องฟรี กับ แคเรียร์” radius=”10″ link=”https://carrierthailand.com/services/btu-calculator/?pk_campaign=google-adwords-daily-budget&pk_kwd=%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%20%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%94%20%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87&gclid=Cj0KCQjwjcfzBRCHARIsAO-1_OprqKplIv8hZplojdCEh8seOTh0nlr5ds1hzpV3jGIMP48KEH6jm70aAs_MEALw_wcB” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]
    [ux_video url=”https://www.youtube.com/watch?v=-doOl58EY80″]

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]

  • แอร์อินเวอร์เตอร์คืออะไร

    แอร์อินเวอร์เตอร์คืออะไร

    แอร์อินเวอร์เตอร์คืออะไร มันดีกว่าตัวธรรมดา ตรงไหน?

    เราบริษัทสิทธิโชติแอร์ จะพาทุกๆท่านมารู้จัก แอร์ระบบ (INVERTER) แอร์อินเวอร์เตอร์คืออะไร มันดีกว่า แอร์ระบบธรรมดายังไง เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
    ระบบอินเวอร์เตอร์ คือ ระบบควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่จะแปลงไฟกระแสสลับ (AC) จากแหล่งจ่ายไฟทั่วไปที่มีแรงดันและความถี่คงที่ให้เป็นไฟกระแสตรง (DC) โดยวงจรคอนเวอร์เตอร์ (Converter Circuit ) จากนั้นไฟกระแสตรงจะถูกแปลงเป็นไฟกระแสสลับที่สามารถปรับขนาดแรงดันและความถี่ได้โดยวงจรอินเวอร์เตอร์ ซึ่ง ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ คือ อินวอร์เตอร์ เป็นตัวสั่งการให้เครื่องใช้ไฟฟ้าของเรา มีความสามารถเพิ่มขึ้น ในเรื่องการประหยัดไฟ ที่ประหยัดมากกว่าระบบธรรมดา เพราะกระแสไฟฟ้าที่ได้รับ จะนิ่ง ไม่กระชากไฟสูง หรือ ต่ำเกินไป ทำให้ช่วยเราประหยัดค่าไฟในกระเป๋าเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลไปถึงเรื่องของการทำงานของตัวเครื่องอีกด้วย เพราะ ถ้าคอมเพลสเซอร์ ไม่กระชากไฟ หรือ ตัดระบบทำใหม่ ก็จะไม่เกิดเสียงการทำงานของคอมเพลสเซอร์  หรือ หมายถึง ระบบอินเวอร์เตอร์จะไม่มีเสียงดัง ที่เกิดจากการทำงานของคอมเพลสเซอร์ ทำให้เครื่องไฟฟ้าของลูกค้ามีเสียงเงียบกว่าระบบธรรมดา

    แอร์อินเวอร์เตอร์(INVERTER) แตกต่างกับ แอร์บ้านระบบธรรมดา(FIX SPEED)ยังไง

    • ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัด คือการทำงานของคอมเพลสเซอร์
    • ระบบธรรมดา (Fix Speed) คอมเพลสเซอร์จะทำความเย็น ให้เย็นมากกว่า อุหภมิที่เราตั้งรีโมทไว้ 3-4 องศา เมื่อคอมเพลสเซอร์ทำงานให้อุหภูมิห้องเย็นกว่าที่เรากำหนดไว้ ระบบจะสั่งตัดไฟที่คอมเพลสเซอร์ทันที และเมื่ออุหภูมิเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตั้งไว้ ระบบจะสั่งให้คอมเพลสเซอร์ทำงานอีกครั้งเพื่อให้อุหภูมิภายในห้องเย็นตามที่เราตั้งรีโมทไว้ และการทำงานก็จะวนไปวนมาแบบนี้เสมอ จึงทำให้อากาศภายในห้องไม่เย็นคงที่ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แอร์ระบบธรรมดา(Fix Speed)จึงไม่เหมาะกับห้องนอน ห้องที่ต้องการรักษาอุหภูมิคงที่ แต่ถ้าต้องการแอร์ที่ไม่ได้เปิดใช้บ่อยนัก หรือห้องที่ไม่ได้เน้นความเย็นแบบคงที่ สามารถใช้แอร์ระบบธรรมดาได้ค่ะ เพราะราคาไม่สูงมากและค่าอะไหล่ไม่สูงเท่าระบบอินเวอร์เตอร์ค่ะ
    • ระบบอินเวอร์เตอร์(INVERTER) คอมเพลสเซอร์ จะทำงานแตกต่างจากระบบธรรมดา ซึ่งคอมเพลสเซอร์จะทำงานเร่งทำอุณหภูมิให้ได้มากกว่าที่เราตั้งรีโมทไว้ 1-2 องศา และลดการทำงานของคอมเพลสเซอร์ลงเล็กน้อย ซึ่งคอมเพลสเซอร์ก็ยังคงทำงานอยู่ โดยทำรอบมอเตอร์ให้ช้าลงหรืออาจจะเกือบหยุดหมุนเลย แต่คงยังรักษาอุณหภูมิภายในห้องได้ดี ตามที่เราตั้งไว้ จึงทำให้เหมาะกับห้องนอน ห้องทำงาน ห้องที่ต้องการรักษาอุณหภูมิภายในห้อง หรือห้องที่ต้องการความเงียบเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเสียงรบกวนจากการตัดต่อของคอมเพลสเซอร์

    ข้อดี และ ข้อเสียของ แอร์อินเวอร์เตอร์คืออะไร (INVERTER)

    ข้อดี

    แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์(INVERTER) จะประหยัดพลังงานมาก ด้วยการทำงานของระบบคอมเพลสเซอร์ที่ไม่มีการตัดต่อเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน จึงทำให้ไม่ต้องมีการตัดต่อระบบใหม่ หรือกระชากไฟนั้นเอง ทำให้ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น และยังประหยัดค่าไฟอีกด้วย แอร์อินเวอร์เตอร์ยังมีการทำงานที่เงียบกว่าแอร์ธรรมดา สืบเนื่องมาจากการทำงานของคอมเพลสเซอร์ที่ไม่มีการตัดต่อ ทำให้ไม่มีเสียงรบกวนของการทำงานจากคอมเพลสเซอร์ ถ้าเทียบกับระบบธรรมดาที่มีการทำงานใหม่ของคอมเพลสเซอร์จะมีเสียงดังมากกว่า และให้ความเย็นคงที่ไม่รู้สึกไม่สบายตัว ด้วยการรักษาอุณหภูมิของระบบอินเวอร์เตอร์ให้ทุกท่านรู้สึกถึงความเย็นสบายแบบต่อเนื่อง

    ข้อเสีย

    ด้วยการทำงานของระบบอินเวอร์เตอร์ที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่าระบบธรรมดา  จึงทำให้ราคาค่อนข้างสูงกว่าแอร์ระบบธรรมดาเมื่อเทียบยี่ห้อเดียวกัน แอร์อินเวอร์เตอร์จึงไม่เหมาะกับท่านที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้เครื่องปรับอากาศ เพราะ ไม่คุ้มค่ากับการที่เราจ่ายราคาเครื่องไป แต่ไม่ค่อยได้เปิดใช้ อีกทั้งยังมีเรื่องของค่าเซอร์วิสที่สูงกว่า เนื่องจากอะไหล่แอร์อินเวอร์เตอร์เป็นระบบวงจร ซึ่งถ้าเสียแล้วอาจจะลามไปอะไหล่ตัวอื่น และราคาอะไหล่ค่อนข้างแพงกว่าตัวธรรมดา

    สรุป

    อย่างไรแล้ว การเลือกเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ ถ้าเลือกใช้ในระยะยาว ยังถือว่าคุ้มค่ามากกว่า เพราะสามารถประหยัดพลังมากกว่า ลดค่าใช้จ่ายจากการค่าไฟได้มากกว่า และหากใช้สำหรับห้องนอน ถือว่า เป็น สิ่งที่คุ้มค่ามาก เพราะเปิดทุกวันและยังได้ความเงียบจากแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์อีกด้วย แอร์อินเวอร์เตอร์คืออะไร รู้แล้วใช่ไหมคะ เลือกว่าจะใช้ระบบไหนแล้ว อย่าลืม เลือกขนาดBTUให้เหมาะสมกับห้อง ด้วยนะคะ จะได้เย็นฉ่ำๆ

    การเลือกซื้อ แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (INVERTER)

    แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ในตลาดมีแทบทุกแบรนด์ชั่นนำที่คุ้นหู การเลือกนั้น อยากได้ลูกค้าคำนึงถึง ค่า SEER หรือ ค่าไปหยัดไฟ ยิ่งมีตัวเลขค่าประหยัดมากเท่าไหร่ ยิ่งประหยัดไฟมากเท่านั้น และอยากให้ทุกท่านดูเงื่อนไขการรับประกันตัวสินค้า แอร์ที่ดีส่วนมากมีการรับประกันคอมเพลสเซอร์ 5-10ปี และ รับประกันอะไหล่ 1-3 ปี แต่ละยี่ห้อมีฟังก์ชั่นการใช้งานเสริมที่แตกต่างกัน บางยี่ห้อมีเชื่อมต่อจากมือถือ บางยี่ห้อมีฟอกฝุ่นประจุไฟฟ้า ฟอกPM2.5 อีกทั้งอยากให้ลูกค้าเลือกช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีประสบการณ์ด้านระบบอินเวอร์เตอร์ และ บริการหลังการขายที่ดี และแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ไวที่สุด

    [ux_video url=”https://www.youtube.com/watch?v=vKEaEBr5ynI”]

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]

  • ประเภทของเครื่องปรับอากาศ

    ประเภทของเครื่องปรับอากาศ

    ประเภทของเครื่องปรับอากาศ

    เครื่องปรับอากาศนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ที่เราเคยเห็นหรือรู้จักเท่านั้น  ยังมีหลากหลายชนิดและหลายประเภท โดยหลักๆแล้ว ปัจจุบัน แอร์สามารถแบ่งได้ 6 ชนิดแอร์ใหญ่ๆ โดยแบ่งตามตำแหน่งใช้งาน/ติดตั้ง ซึ่งเครื่องปรับอากาศทั่วไปที่ใช้ตามบ้านเรือน และอาคารสำนักงานขนาดเล็กซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด มี 6 ชนิดของแอร์คือ แบบติดผนัง, แบบตั้ง/แขวน, แบบตู้ตั้ง, แบบฝังเพดาน, แบบหน้าต่าง, แบบเคลื่อนที่ ซึ่งรายละเอียดของ เครื่องปรับอากาศแต่ละประเภทดังนี้เครื่องปรับอากาศนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ที่เราเคยเห็นหรือรู้จักเท่านั้นการใช้เครื่องปรับอากาศต่างๆ ยังมีหลากหลายชนิดและสามารถแบ่งออกเป็น ประเภทของเครื่องปรับอากาศ ใหญ่ๆ  ได้ถึง 6 ประเภทเลยทีเดียว ทั้งนี้การจัดประเภทต่างๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสียและเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง

    ประเภทของเครื่องปรับอากาศ ทั้ง 6 แบบ

    1. แอร์แบบติดผนัง (WALL TYPE) คือ เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเล็ก รูปทรงกระทัดรัด เหมาะสำหรับ ห้องที่เล็ก หรือห้องที่ไม่ยาวมาก เพราะการกระจายลมไม่ได้ไกลเท่าไหร่ มีการทำความเย็นที่เงียบกว่า แบบอื่นๆ จึงเหมาะ สำหรับห้องนอน ห้องรับแขก จนไปถึงห้องที่มีขนาดใหญ่ ที่ต้องการประหยัดพื้นที่
      ข้อดี :มีรูปแบบที่ทันสมัย มีแบบสวยๆ ให้เลือกมากมาย ติดตั้งง่ายและทำงานเงียบกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
      ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับงานหนัก เนื่องจากคอยล์เย็นมีขนาดเล็กส่งผลให้คอยล์สกปรก และอุดตันง่ายกว่าคอยล์ที่มีขนาดใหญ่กว่า
    2. แอร์แบบตั้งแขวน (CONVERTIBLR TYPE) คือ เครื่องปรับอากาศที่เหมาะสำหรับห้อง ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ เช่น ห้องนอน สำนักงาน ร้านอาหาร ห้องประชุม โรงแรม ห้องจัดเลี้ยง ซึ่งการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของบีทียูนั่นเอง
      ข้อดี :  สามารถเลือกการติดตั้งได้ทั้งพื้นและเพดาน รวมไปถึงมีการระบายลมที่ดี แต่จะมีเสียงดังในการทำงานนิดหน่อย
      ข้อเสีย : ไม่มีรูปแบบให้เลือกมากนักเนื่องจากมอเตอร์ใหญ่จึงมีเสียงดังกว่าแบบติดผนัง

    3. แอร์แบบตู้ตั้ง (PACKAGE TYPE) คือ เครื่องปรับอากาศ ที่มีลักษณะคล้ายตู้ มีขนาดสูง และมีกำลังลมที่แรง เหมาะกับบริเวณที่มีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร
      ข้อดี : ติดตั้งง่าย โดยสามารถตั้งกับพื้นได้เลย ไม่ต้องทำการยึดทำความเย็นได้เร็วเนื่องจากมีเส้นผ่านศูนย์กลางใบพัดลมที่ใหญ่ ซึ่งให้กำลังลมที่แรงกว่า
      ข้อเสีย : เปลืองพื้นที่ใช้สอยเพราะมีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีเสียงดังอีกด้วย

    4. แอร์แบบสี่ทิศทาง (CASSETTE TYPE) คือ เครื่องปรับอากาศที่เน้นความสวยงามมากๆ โดยมีการซ่อนตัวแอร์ หรือฝังอยู่ใต้ฝ้าหรือเพดานห้องบริเวณต่างๆ เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการเน้นความสวยงามและการตกแต่ง โดยที่ต้องการให้เห็นเครื่องปรับอากาศน้อยที่สุด แต่ข้อเสียคือการดูแลรักษาที่ยาก
      ข้อดี : มีความสวยงามและประหยัดพื้นที่ โดยสามารถทำตู้เพื่อซ่อนเครื่องปรับอากาศเอาไว้ได้หรือสามารถฝังเอาไว้บนเพดาน
      ข้อเสีย : ติดตั้งค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องทำการฝังเข้าตู้ หรือเพดานห้องการดูแลรักษาทำได้ไม่ค่อยสะดวก

    5. แอร์แบบเปลือย (CONCEALED TYPE) คือ แอร์เปลือย แอร์ซ่อนใต้ฝ้า หรือ Ceiling Concealed Type เป็นแอร์ที่มีเฉพาะตัวเครื่องฝังอยู่ในฝ้าเพดาน สามารถนำติดตั้งที่บ้านหรือสำนักงาน โดยที่แอร์เปลือยเป็นแบบต่อท่อลมเบาจึงเหมาะกับพื้นที่ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ตามกำลังลม
      ข้อดี : สวยงาม ดูเรียบสวยงาม ไม่เห็นตัวแอร์โดยสามารถทำตู้ซ่อน หรือ ฝังเรียบไว้บนเพดานห้อง
      ข้อเสีย : ติดตั้งยาก การดูแลรักษาที่ยากกว่าแบบอื่นเนื่องจากต้องทำการฝังเข้าตู้ หรือเพดานห้อง
       

    6. แอร์แบบเคลื่อนที่ (PORTABLE TYPE) คือ เครื่องปรับอากาศที่สะดวกสบายสามารถเคลื่อนย้ายได้และเหมาะกับห้องที่ค่อยข้างมีขนาดเล็กไปจนถึงห้องที่ขนาดปานกลางซึ่งไม่ต้องติดตั้งให้เสียเวลาเพียงเสียบปลั๊กก็สามารถใช้ได้เลย ที่สำคัญสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่จัดวางได้เพียงแค่เลื่อนหรือเข็นเท่านั้น นับว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
      ข้อดี : ขนาดกะทัดรัดไม่ต้องติดตั้งสามารถเข็นไปได้ใช้ได้ทุกพื้นที่ ทั้งในห้อง และกลางแจ้ง
      ข้อเสีย : ใช้ได้กับห้องที่มีขนาดใหญ่ไม่มากประสิทธิภาพการทำความเย็นต่ำกว่า เนื่องจากเป็นระบบเปิดเมื่อนำไปใช้กลางแจ้ง

    สรุป เราควรเลือก ประเภทของเครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน 

    เครื่องปรับอากาศ หรือเรียกเป็นภาษาพูดว่า แอร์ (อังกฤษ : A/C, Aircon, Air conditioner)

    คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับปรับอุณหภูมิของอากาศในเคหสถาน เพื่อให้มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในที่ที่ไม่ร้อนหรือไม่เย็นจนเกินไป หรือใช้รักษาภาวะอากาศให้คงที่หรือเพื่อจุดประสงค์อื่น เคหสถานในเขตศูนย์สูตรหรือเขตร้อนชื้นมักมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลง ตรงข้ามกับในเขตอบอุ่นหรือเขตขั้วโลกใช้เพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นอาจเรียกว่าเครื่องทำความร้อน หรือ ฮีตเตอร์ (heater)  เครื่องปรับอากาศมีทั้งแบบติดผนัง สำหรับที่พักอาศัย แบบแขวนใต้ฝ้า แบบตั้งแขวน แบบฝ้งฝ้า 4 ทิศทาง และแบบซ่อนในฝ้าต่อท่อลม ทำงานด้วยหลักการการถ่ายเทความร้อน กล่าวคือ เมื่อความร้อนถ่ายเทออกไปข้างนอก อากาศภายในห้องจะมีอุณหภูมิลดลง เป็นต้น และเครื่องปรับอากาศอาจมีความสามารถในการลดความชื้นหรือการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ด้วย

    วิธีใช้เครื่องปรับอากาศให้ประหยัดพลังงานและคุ้มค่า

    • ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศที่ใช้เป็นประจำ เพื่อให้การระบายความร้อนทำได้สะดวก
    • การลดความร้อนผ่านผนัง ผนังกระจกควรป้องกันความร้อนโดยใช้เครื่องบังแดดภายในอาคาร
    • ปลูกต้นไม้หรือสร้างที่บังแดดเพื่อให้ร่มเงาแก่ผนังห้อง
    • การลดความร้อนผ่านหน้าต่าง หน้าต่างควรมีเฉพาะทิศเหนือหรือทิศใต้ของอาคาร
    • การลดความร้อนผ่านพื้น หากเป็นพื้นไม้ควรอุดช่องระหว่างไม้ให้สนิท แอร์จะได้ไม่รั่วออกไปจัดพื้นที่ในห้องซึ่งไม่ได้ใช้งานประจำ
    • พยายามใช้แสงธรรมชาติช่วยส่องสว่างภายในอาคาร ควรปิดไฟที่ไม่จำเป็น ภายในอาคารควรใช้สีอ่อน ช่วยการสะท้อนแสงทำให้ใช้ดวงไฟน้อยลง อุปกรณ์ที่ให้ความร้อนควรใช้นอกห้อง

    ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ

    • คอมเพรสเซอร์ (Compressor) เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกของเครื่องปรับอากาศ มีหน้าที่ในการเคลื่อนสารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ ทำให้สารทำความเย็นมีคุณหภูมิและความดันสูงขึ้น
    • คอยล์ร้อน (Condenser) เป็นอุปกรณ์ที่จะติดตั้งภายนอก ทำหน้าที่ในการระบายความร้อนจากสารทำความเย็นออก
    • คอยล์เย็น (Evaporator) เป็นอุปกรณ์ที่ติดตังอยู่ภายใน ทำหน้าที่ในการดูดซับความร้อนจากภายในให้เข้าไปสู่สารทำความเย็น
    • อุปกรณ์ลดความดัน (Throttling Device) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการลดความดันและอุณหภูมิของสารทำความเย็น

    ขั้นตอนการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

    • คอมเพรสเซอร์ จะดูดและอัดความดันเข้าสู่สารทำความเย็นและส่งต่อไปยังคอยล์ร้อน
    • น้ำยาจะไหลผ่านแผงคอยล์ร้อน และใช้พัดลมเป่าเพื่อระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น ทำให้อุณหภูมิลดลง และส่งต่อไปยังอุปกรณ์ลดความดัน
    • น้ำยาจะไหลผ่านจากอุปกรณ์ลดความดันไปยังคอยล์เย็น โดยผ่านท่อ ซึ่งน้ำยาที่ไหลในส่วนนี้จะมีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ
    • น้ำยาจะไหลผ่านแผงคอยล์เย็น โดยมีพัดลมเป่า ทำให้สารทำความเย็นดูดซับความร้อนออกจากภายในห้อง ทำให้น้ำยามีความร้อนสูงขึ้น และจะถูกส่งกลับไปยังคอมเพรสเซอร์

    ระบบอินเวอร์เตอร์ จะมีการทำงานแบบไหนไปดูกัน

    [ux_text text_align=”center”]

    มีคำถาม สอบถามเราใช่ไหม ?

    [/ux_text]
    [row width=”full-width” h_align=”center”]

    [col span__sm=”12″ align=”center”]

    [button text=”โทร 099-310-5555″ icon=”icon-phone” link=”tel:0993105555″]

    [button text=”ทักแชท LINE @ stcair” color=”success” link=”https://lin.ee/pB9a7D6″]

    [button text=”ทักแชท Facebook” color=”white” icon=”icon-facebook” link=”https://www.facebook.com/SitthichodAir”]

    [/col]